Menu

Home / Article

เมื่อเราต้องนำมอเตอร์ไปใช้ ที่สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันไป มาตรฐานทางวิศวกรรมที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ค่า Insulation และค่า Temperature Rise

เมื่อเราต้องนำมอเตอร์ไปใช้ ที่สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันไป มาตรฐานทางวิศวกรรมที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ค่า Insulation และค่า Temperature Rise

เทคนิคการเลือกใช้ Motor ที่อุณหภูมิต่างๆ

เทคนิคการเลือกใช้ Motor ที่อุณหภูมิต่างๆ


เมื่อเราต้องนำมอเตอร์ไปใช้ ที่สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันไป มาตรฐานทางวิศวกรรมที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ค่า Insulation และค่า Temperature Rise โดยมาตรฐานดังกล่าวจะแบ่งเป็น Class ดังต่อไปนี้ Class B, Class F และ Class H (Class ดังกล่าว จะบ่งบอกค่าอุณหภูมิสูงสุด ตามรูปที่ 1 )

Insulation คือ ค่าอุณหภูมิที่แผ่นฉนวนที่คั่นระหว่างขดลวด สามารถทนได้ เช่น Insulation Class F หมายความว่า แผ่นฉนวนที่คั่นระหว่างขดลวด สามารถทนอุณหภูมิได้สูงสุด ที่ 155 องศาเซลเซียส

Temperature Rise คือ อุณหภูมิของมอเตอร์ที่สูงขึ้นจากอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม (Ambient Temperature) เมื่อเราใช้งานมอเตอร์ เช่น Temperature Rise Class B หมายความว่า อุณหภูมิสูงสุดของมอเตอร์ขณะทำงานปกติที่อุณหภูมิสภาพแวดล้อม 40 องศาเซลเซียส จะมีค่าไม่เกิน 130 องศาเซลเซียส

จากภาพเนมเพลทด้านขวาจะเห็นว่าเป็นมอเตอร์ class F (เขียนว่า CL.F) นั่นหมายความว่า Insulation Class F คือฉนวนของขดลวดมอเตอร์สามารถทนอุณหภูมิได้สูงสุด 155 องศา และ Temp rise Class B คืออุณหภูมิสะสมในขดลวดมอเตอร์จะไม่เกิน 130 องศา เมื่อใช้งานที่Ambient 40องศาและกระแสไม่เกินFull load จะเห็นว่าอุณหภูมิสะสมที่เกิดขึ้นในมอเตอร์จะต่ำกว่าอุณหภูมิที่ฉนวนรับได้ ดังนั้นฉนวนจะไม่ไหม้ และขดลวดจะไม่ช๊อตเข้าหากัน

เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ในกรณีที่เรานำมอเตอร์มาใช้ที่อุณหภูมิแวดล้อมสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เช่น ในห้องอบไม้ยาง ซึ่งมีอุณหภูมิแวดล้อมประมาณ 80-130 องศาเซลเซียส เราจึงต้องเลือกใช้มอเตอร์ที่มี Insulation สูงกว่า Class F ซึ่งก็คือ Class H เพราะฉนวนสามารถทนความร้อนสูงสุดได้ถึง 180 องศาเซลเซียส นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้มอเตอร์ที่อุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าสูงหรือต่ำ ก็ยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ชนิดของขดลวด , ชนิดของลูกปืน ,วัสดุของเสื้อมอเตอร์ และ รูระบายน้ำทิ้งจากเสื้อมอเตอร์ ซึ่งจะนำมาอธิบายต่อไปใน EP ถัดไป

เมื่อเราต้องนำมอเตอร์ไปใช้ ที่สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันไป มาตรฐานทางวิศวกรรมที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ค่า Insulation และค่า Temperature Rise โดยมาตรฐานดังกล่าวจะแบ่งเป็น Class ดังต่อไปนี้ Class B, Class F และ Class H (Class ดังกล่าว จะบ่งบอกค่าอุณหภูมิสูงสุด ตามรูปที่ 1 )

Insulation คือ ค่าอุณหภูมิที่แผ่นฉนวนที่คั่นระหว่างขดลวด สามารถทนได้ เช่น Insulation Class F หมายความว่า แผ่นฉนวนที่คั่นระหว่างขดลวด สามารถทนอุณหภูมิได้สูงสุด ที่ 155 องศาเซลเซียส

Temperature Rise คือ อุณหภูมิของมอเตอร์ที่สูงขึ้นจากอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม (Ambient Temperature) เมื่อเราใช้งานมอเตอร์ เช่น Temperature Rise Class B หมายความว่า อุณหภูมิสูงสุดของมอเตอร์ขณะทำงานปกติที่อุณหภูมิสภาพแวดล้อม 40 องศาเซลเซียส จะมีค่าไม่เกิน 130 องศาเซลเซียส

จากภาพเนมเพลทด้านขวาจะเห็นว่าเป็นมอเตอร์ class F (เขียนว่า CL.F) นั่นหมายความว่า Insulation Class F คือฉนวนของขดลวดมอเตอร์สามารถทนอุณหภูมิได้สูงสุด 155 องศา และ Temp rise Class B คืออุณหภูมิสะสมในขดลวดมอเตอร์จะไม่เกิน 130 องศา เมื่อใช้งานที่Ambient 40องศาและกระแสไม่เกินFull load จะเห็นว่าอุณหภูมิสะสมที่เกิดขึ้นในมอเตอร์จะต่ำกว่าอุณหภูมิที่ฉนวนรับได้ ดังนั้นฉนวนจะไม่ไหม้ และขดลวดจะไม่ช๊อตเข้าหากัน

เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ในกรณีที่เรานำมอเตอร์มาใช้ที่อุณหภูมิแวดล้อมสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เช่น ในห้องอบไม้ยาง ซึ่งมีอุณหภูมิแวดล้อมประมาณ 80-130 องศาเซลเซียส เราจึงต้องเลือกใช้มอเตอร์ที่มี Insulation สูงกว่า Class F ซึ่งก็คือ Class H เพราะฉนวนสามารถทนความร้อนสูงสุดได้ถึง 180 องศาเซลเซียส นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้มอเตอร์ที่อุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าสูงหรือต่ำ ก็ยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ชนิดของขดลวด , ชนิดของลูกปืน ,วัสดุของเสื้อมอเตอร์ และ รูระบายน้ำทิ้งจากเสื้อมอเตอร์ ซึ่งจะนำมาอธิบายต่อไปใน EP ถัดไป


ช่องทางการติดต่อ

Facebook : @GreatOrientalTrading

Line@ : @gotrading

Mobile : 097-3619703


คำสำคัญ

GOTก้าวสู่ปีที่50 มอเตอร์ มอเตอร์เกียร์ มอเตอร์ClassH มอเตอร์ClassF มอเตอร์ClassB เกียร์บ๊อกซ์ โบลเวอร์ พัดลมอุตสาหกรรม เกียร์ตีน้ำ เซอร์เฟส surfaceareator ปั๊มน้ำดี ปั๊มน้ำเสีย วาล์ว ตัวแทนจำหน่ายภาคใต้ ตัวแทนจำหน่ายภาคอีสาน บริการหลังการขาย

Our Customer